เว็บไซต์ที่ถูกโจมตีด้วยสแปมจะมีลักษณะ คอมเมนต์สแปม ข้อความไม่เกี่ยวข้องที่แปะลิงก์เพื่อ SEO
แบบฟอร์มถูกบอทกรอก ข้อมูลปลอมจากฟอร์มติดต่อหรือสมัครสมาชิก
สแปมลิงก์ SEO มีลิงก์ขยะแทรกเข้ามาในคอนเทนต์กับฐานข้อมูล
ทราฟฟิกปลอม บอทเข้าเพื่อให้สถิติผิดเพี้ยน หวังผลร้าย
SEO สแปม เว็บไซต์อื่นแอบฝังลิงก์ย้อนกลับมาเพื่อผล รับทำ SEO ของตนเอง
ผลเสียที่เกิดขึ้นคือความน่าเชื่อถือลดลงโหลดช้า จัดอันดับใน Google ลด และผู้ใช้งานจริงได้รับประสบการณ์แย่
วิธีการตรวจสอบว่าเว็บโดนสแปมหรือไม่
ตรวจสอบ Google Search Console ดูลิงก์ผิดปกติหรือคำค้นแปลกๆ ดู Traffic บน Google Analytics ทราฟฟิกจากประเทศแปลกๆ จาก bot ตรวจสอบคอมเมนต์และแบบฟอร์ม มีข้อความกับอีเมลแปลกๆ เข้ามาไหม เช็กหน้าเว็บหรือฐานข้อมูล มีเนื้อหาแปลก ลิงก์ขยะ รหัสแปลก
วิธีแก้ปัญหาเมื่อเว็บโดนสแปม
ติดตั้งระบบ CAPTCHA ป้องกันบอทจากการกรอกแบบฟอร์มหรือคอมเมนต์ reCAPTCHA ของ Google เป็นตัวเลือกยอดนิยม
ใช้ปลั๊กอินหรือฟีเจอร์ป้องกันสแปม ถ้าใช้ WordPress แนะนำใช้ปลั๊กอินอย่าง Akismet, Antispam Bee จำกัดจำนวนครั้งการโพสต์คอมเมนต์จาก IP เดียวกัน
ปิดคอมเมนต์อัตโนมัติ ใช้การอนุมัติด้วยมือ ปิดคอมเมนต์ในโพสต์เก่า ตั้งให้คอมเมนต์ใหม่ต้องรอการอนุมัติ
บล็อก IP ที่มาจากบอทหรือทราฟฟิกแปลกๆ ใช้ .htaccess กับ firewall เช่น Cloudflare เพื่อบล็อก IP ห้ามไม่ให้ IP เหล่านี้เข้าถึงเว็บไซต์
ส่งลิงก์ที่ไม่ต้องการให้ Google Disavow หากพบว่ามีเว็บไซต์คุณภาพต่ำเชื่อมโยงมาหาเว็บคุณโดยไม่พึงประสงค์ ให้ใช้ Google Disavow Tool
เว็บไซต์ที่โดนสแปมอาจดูเหมือนเรื่องเล็กในตอนแรก แต่หากปล่อยทิ้งไว้นาน อาจสร้างความเสียหายทั้งต่อภาพลักษณ์และอันดับ SEO ได้อย่างรุนแรง ตั้งระบบกรอง ป้องกัน และตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอคือหัวใจสำคัญ หากคุณจัดการได้เร็วพอ โอกาสฟื้นฟูเว็บไซต์จะง่ายและรวดเร็วขึ้น