ในยุคที่เทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันมากขึ้น ค้นหาข้อมูลผ่านอินเทอร์เน็ตก็เปลี่ยนแปลงตามไปด้วย จากเดิมที่ต้องพิมพ์ข้อความลงในแถบค้นหา กลายมาเป็นการใช้ ค้นหาด้วยเสียง Voice Search สะดวกรวดเร็วและตอบโจทย์วิถีชีวิตเร่งรีบในยุคใหม่ ค้นหาด้วยเสียงกลายเป็นแนวโน้มมาแรงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มสมาร์ตโฟนและอุปกรณ์อัจฉริยะ เช่น ลำโพงอัจฉริยะ Smart Speaker อย่าง Google Nest, Amazon Echo หรือผู้ช่วยเสมือน เช่น Siri, Google Assistant กับ Alexa ซึ่งสามารถประมวลผลเสียงของผู้ใช้และตอบคำถามได้ทันที ทำให้พฤติกรรมการใช้งานอินเทอร์เน็ตของผู้คนทั่วโลกเปลี่ยนแปลงไปอย่างเห็นได้ชัด

หนึ่งในปัจจัยสำคัญคือพัฒนาเทคโนโลยีรู้จำ Speech Recognition ที่มีความแม่นยำสูงขึ้นมากจากเมื่อก่อน ระบบ AI กับ Machine Learning เข้ามาช่วยให้ประมวลผลเป็นธรรมชาติมากขึ้น ไม่ว่าจะพูดเร็ว พูดสำเนียงท้องถิ่น หรือใช้ภาษาไม่เป็นทางการ ระบบก็สามารถเข้าใจและตีความได้อย่างถูกต้องมากขึ้น อุปกรณ์พกพาสมาร์ตดีไวซ์รองรับสั่งงานด้วยเสียงยังช่วยให้ผู้คนเข้าถึงค้นหาด้วยเสียงได้ง่าย ไม่จำเป็นต้องใช้คีย์บอร์ดอีกต่อไป โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ไม่สะดวกพิมพ์ เช่น ขณะขับรถ ทำอาหาร หรือเดินทาง

พฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป

ผู้บริโภคในปัจจุบันความสะดวก รวดเร็ว เป็นธรรมชาติ พูดเพื่อสั่งค้นหาข้อมูลจึงกลายเป็นสิ่งตอบโจทย์ ยกตัวอย่างเช่น แทนจะพิมพ์ว่า ร้านอาหารญี่ปุ่นใกล้ฉัน ผู้ใช้เพียงแค่พูดว่า ร้านอาหารญี่ปุ่นแถวนี้มีอะไรบ้าง เท่านี้ระบบก็สามารถแสดงผลลัพธ์ได้ทันที นอกจากนี้ ค้นหาด้วยเสียงยังมีลักษณะ เป็นบทสนทนา มากกว่าการค้นหาแบบข้อความ ตัวอย่างเช่น แทนจะพิมพ์ว่า สภาพอากาศกรุงเทพ อาจพูดว่า พรุ่งนี้ฝนจะตกไหม ซึ่งสะท้อนถึงคำตอบเฉพาะเจาะจงเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น

ผลกระทบต่อธุรกิจทำตลาดออนไลน์

สำหรับนักการตลาด เปลี่ยนแปลงนี้ถือเป็นทั้งโอกาสและความท้าทายใหม่ ธุรกิจจำเป็นต้องปรับกลยุทธ์ SEO ให้เข้ากับพฤติกรรมค้นหาด้วยเสียง โดยเน้นที่ คีย์เวิร์ดแบบภาษาพูดคำถามที่พบบ่อย เพื่อให้เว็บไซต์หรือเนื้อหาปรากฏในผลการค้นหาแรกๆ ของระบบเสียง ตัวอย่างเช่น แทนจะมุ่งเป้าคำว่า ร้านอาหารทะเล กรุงเทพ นักตลาดอาจใช้ประโยคอย่าง ร้านอาหารทะเลอร่อยที่สุดในกรุงเทพอยู่ที่ไหน เพื่อให้สอดคล้องกับลักษณะค้นหาด้วยเสียงมักใช้ภาษาธรรมชาติ

จากแนวโน้มเห็นชัด ค้นหาด้วยเสียงจะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มยุคใหม่เน้นความสะดวกและความเร็ว บางคาดการณ์ชี้ว่าในอนาคตอันใกล้ กว่า 50% ของค้นหาทั้งหมดอาจมาจากใช้เสียง ไม่ว่าจะเป็นค้นหาข้อมูลทั่วไป สั่งซื้อสินค้า หรือแม้กระทั่งควบคุมอุปกรณ์ในบ้าน ธุรกิจผู้พัฒนาเทคโนโลยีจึงควรเตรียมพร้อมรับมือกับยุคของเสียง กำลังเข้ามาเปลี่ยนวิธีที่เราสื่อสารกับเทคโนโลยีอย่างสิ้นเชิง